รับฟังนโยบายรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
สรุป
ได้ดังนี้
งานที่จะทำสามารถเติมงานได้เลยโดยไม่ต้องใช้งบเพิ่มและงานที่ต้องเริ่มใหม่
โดยโจทย์ที่ต้องตอบมา คือ
การนำพระราชดำรัสที่เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
หัวไปปฏิบัติเพื่อให้
1.ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู
2.ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อน ไม่ให้แข่งขันกัน แต่ให้แข่งกับตัวเอง และ
3. ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่า ช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้เด็กทำร่วมกัน เพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี
“แนว
พระราชดำรัสเป็นปรัชญาโดยพระราชดำรัสทั้ง3ข้อครอบคลุมงานของสำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ขอย้ำว่าผู้บริหารทุกระดับต้องทำแผนงานโครงการ อย่าลอกกัน
อย่าปล่อยให้ลูกน้องทำ ต้องฉีกปัญหาให้ขาด
ปรับปรุงผลงานเดิมที่ไม่สัมฤทธิ์ผล
ดูว่าที่ผ่านมาทำไมถึงไม่สำเร็จแล้วแก้ไข
และกิจกรรมที่จะทำต่อไปก็ต้องตอบได้ว่า ตรงกับตรรกะใดในพระราชดำรัส 3
ข้อน
นอกจากนี้ ในการจัดกิจกรรมที่จะทำต่อไปต้องตอบได้ว่า
ตรงกับตรรกะใดในพระราชดำรัส 3 ข้อนี้ และมีนโยบายให้ศธ.เร่งดำเนินการ 10
ข้อ คือ
1.ให้ทำเร็ว มีผลสัมฤทธิ์ภายในเดือนกันยายน 2559 ที่เหลือส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป
2. ประชาชน สังคม พึงพอใจ
3. ปรับลดภาระที่ไม่จำเป็นของศธ.ลง
4. เร่งปรับหลักสูตรตำรา/แต่ละกลุ่มให้เหมาะสม การพิมพ์ตำราต้องคุ้มค่า
5. ผลิตคนให้ ทันกับความต้องการของประเทศ จบแล้วมีงานทำ ช่วยแก้ไขปัญหาว่างงานและปัญหาสังคมได้
6. ปรับหลักสูตรทำให้เด็ก ครู ผู้ปกครองมีความสุข
7. ใช้สื่อการสอนกระตุ้นผู้เรียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้
8. ลดความเหลื่อมล้ำจัดการศึกษาให้ทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ
9. นำระบบไอซีทีเข้ามาใช้จัดการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรมและกว้างขวาง
10. เรียนไม่ใช่เพื่อสอบแต่เรียนให้ได้ทักษะชีวิต อยู่ในยุคโลกไร้พรหมแดน
ในส่วนของเรื่องงบประมาณ ได้รับฟังรายงานจากผู้บริหารองค์กรหลักว่า
การใช้จ่ายงบฯเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งในส่วนของปีงบฯ 2559
ขอให้ทุกหน่วยงานเริ่มวางแผนโครงการตั้งแต่ไตรมาสแรก
และการเสนขอใช้งบกลางขอให้เสนอเฉพาะที่จำเป็น โปร่งใส ตรวจสอบได้
ที่สำคัญต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น